เมื่อเปรียบเทียบดินเป็นสิ่งมีชีวิต
คือ มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ
มีตาย วัฏจักรของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า
ดิน คงเป็นดังนี้ แรกเริ่มเดิมทีนั้นพื้นผิวโลกไม่มีดินมาแต่แรก
แต่เมื่อหินได้ผุพังสลายตัวผสมคลุกเคล้ากับเศษซากพืชซากสัตว์
จึงได้ก่อเกิดเป็นดิน
ดินจึงเสมือนมีหินมีซากพืชซากสัตว์เป็นผู้ให้กำเนิดหรือเป็นบรรพบุรุษของดิน
ต่อมาเมื่อผืนโลกมีดินปกคลุม
แล้วก็มีการชะล้างพังทลายของดินไปตกเป็นตะกอนในพื้นที่ต่ำต่างๆ
เมื่อมีการผสมคลุกเคล้ากับเศษซากพืชซากสัตว์แล้ว
ก็ก่อให้เกิดดินในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นดินในที่ลุ่ม
และไม่ว่าดินจะมีต้นกำเนิดมาจากหินหรือว่ามาจากตะกอนก็ตาม
เมื่อดินได้เกิดขึ้นแล้วก็มีการเจริญเติบโต
พัฒนา และแก่ขึ้นตามสภาพแวดล้อม
ซึ่งหากว่าดินนั้นเกิดจากบรรพบุรุษเดียวกัน
ก็ถือว่าเป็นพี่เป็นน้องกัน
แต่ไปเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
ก็จะพัฒนาไปเป็นดินคนละชนิดกัน
ดินนั้นมีอายุยืนเป็นร้อย
เป็นพัน เป็นหมื่นปี
แต่หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายถึงที่สุดแล้วดินก็เสื่อมสลายหรือพังทลาย
จนในที่สุดก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรต่อไปได้อีก
เช่น ดินเค็มจัด หรือพื้นที่หินโผล่
ซึ่งเปรียบเสมือนกับว่าดินนั้นได้ตายไปแล้ว...
แล้วดินเจ็บป่วยเป็นอย่างไร?...
ดินเจ็บป่วย
คือ ดินที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้อย่างปกติ
ซึ่งสามารถแยกอาการป่วยได้สองประเภท
คือ โรคที่เป็นแต่กำเนิด
และโรคที่เกิดภายหลัง
|