ลักษณะทั่วไปของดินในอันดับสปอดโดซอลส์ที่รู้จักกันคือ
เป็นดินที่ประกอบด้วยชั้นทรายสีเทาคล้ายเถ้า มีปฏิกิริยาเป็นกรด วางตัวอยู่บนชั้นที่เป็นดินร่วนปนทรายสีคล้ำ
หรือแดงคล้ำ มักพบในบริเวณที่วัตถุต้นกำเนิดเป็นทรายจัด ซึ่งอาจเป็นหาดทรายเก่าของแม่น้ำหรือทะเล
และอาจจะพบได้บ้างในบริเวณที่มีความลาดชันสูง
จากการศึกษาพบว่า ชั้นที่มีสีคล้ำ แดงคล้ำ
น้ำตาลปนแดง หรือสีแดง ที่วางตัวอยู่ใต้ชั้นสีซีดจาง สีเทาหรือสีเทาอ่อนนั้นเกิดจากการสะสมของอินทรียวัตถุที่สลายตัวแล้ว
กับอะลูมินัมออกไซด์ และ/หรือเหล็กออกไซด์ ที่สันนิษฐานว่ามีการเคลื่อนย้ายมาสะสมในลักษณะของสารอันยรูปเคลือบบนอนุภาคแร่ธาตุของดิน
ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของชั้นดินล่างวินิจฉัยสปอดดิก และเป็นลักษณะสำคัญที่ทำให้ดินในอันดับสปอดโดซอลส์นี้แตกต่างจากดินอื่นๆ
ในสภาพที่ไม่ถูกรบกวนหรือถูกรบกวนน้อย จะปรากฏชั้นดินล่างวินิจฉัยอัลบิก
ซึ่งเป็นชั้นสีซีดจาง ที่แสดงว่ามีกระบวนการชะล้างวัสดุต่างๆ ออกไปจากบริเวณ
วางตัวอยู่เหนือชั้นสปอดดิก
ดินสปอดโดซอลส์ มักจะพบแจกกระจายอยู่ในบริเวณที่มีฝนชุกหรือค่อนข้างชุก
ซึ่งมีปริมาณน้ำมากพอที่จะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของวัสดุจากตอนบนของหน้าตัดดินลงไปสะสมในชั้นดินตอนล่าง
ประกอบกับจะต้องมีอินทรียวัตถุ และวัตถุต้นกำเนิดดินที่เป็นทรายจัด
ทั้งยังเกี่ยวข้องกับสภาพที่มีการเคลื่อนที่ขึ้นลงของน้ำใต้ดิน ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเกิดชั้นดินล่างวินิจฉัยสปอดดิก
ในประเทศไทยพบดินนี้ครอบคลุมพื้นที่น้อยมาก ส่วนใหญ่แจกกระจายอยู่ทางภาคใต้
ชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงใต้ และตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะในบริเวณที่ติดกับแม่น้ำโขง
ชุดดินที่รู้จักกันคือ ชุดดินบ้านทอน (Bh) และชุดดินท่าอุเทน
(Tu)
เมื่อเปรียบเทียบลักษณะหน้าตัดดินสปอดโดซอลส์ที่แจกกระจายอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย
พบว่า ดินในบริเวณภาคใต้ และชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงใต้ จะมีพัฒนาการของชั้นดินล่างวินิจฉัยสปอดดิกที่ชัดเจนและชั้นอัลบิกมีความหนามากกว่าดินที่เกิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เนื่องจากการมีลักษณะการแจกกระจายของฝนที่สม่ำเสมอมากกว่า ทำให้เกิดสภาพเปียกและชื้นที่ต่อเนื่อง
ส่งเสริมให้เกิดการชะล้างวัสดุจากตอนบนลงไปสะสมในชั้นดินตอนล่างได้ชัดเจน
พัฒนาการของหน้าตัดดินที่พบในภาคใต้มักเป็นแบบ A-E-Bh หรือ A-B-Bh-C
ส่วนทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นแบบ A-Bh, Oi-A-E-Bh-C-IIC หรือ Oi-A-E-Bh-Bc-IIC
สปอดโดซอลส์ที่พบในประเทศไทยนั้น ในสภาพธรรมชาติจัดเป็นดินที่ไม่เหมาะสมในเชิงการเกษตร
เนื่องจากเป็นดินทรายจัด มีความจุในการอุ้มน้ำต่ำ ระบายน้ำดีเกินไป
มีชั้นดินล่างที่อาจเป็นชั้นดานจับตัวแน่นในสภาพชื้น เป็นปัญหาต่อการใช้น้ำและไชชอนของรากพืช
ความอุดมสมบูรณ์ของดินอยู่ในเกณฑ์ต่ำถึงต่ำมาก
นอกจากนี้การสะสมของอะลูมินัมและเหล็กในปริมาณที่สูงอาจมีผลต่อการใช้ประโยชน์ธาตุอาหารพืชบางชนิด
หรืออาจเป็นพิษต่อพืชได้
ตามระบบการจำแนกดินของ USDA1938 ดินนี้จัดอยู่ในกลุ่มดินหลัก Ground-water
Podzols และ Podzols
|