m33
ดินลึกปานกลางที่มีลูกรัง ก้อนกรวด หรือเศษหินปนอยู่มากในช่วงความลึก 50-100 ซม.จากผิวดิน
พบในพื้นที่ดอนเขตดินชื้น
(กลุ่มชุดดินที่ 50 53)
           
ชุดดินพะโต๊ะ
ชุดดินสวี
ชุดดินปะดังเบซาร์
ชุดดินโอลำเจียก
ชุดดินตราด
   
ลักษณะและสมบัติของดิน
 
 
     ดินลึกปานกลางที่มีชั้นลูกรัง ก้อนกรวด หรือเศษหินปริมาณมากกว่าร้อยละ 35 โดยปริมาตร อยู่ในช่วงความลึก 50-100 ซม.จากผิวดิน พบในเขตที่มีฝนตกชุก สภาพพื้นทีค่อนข้างราบเรียบถึงเป็นลูกคลื่นลอนชัน ดินบนมีสีน้ำตาล เนื้อดินเป็นดินร่วนปนทรายหรือดินร่วนเหนียวปนทราย ดินล่างมีสีน้ำตาล สีเหลืองหรือสีแดง มีก้อนกรวดเศษหินหรือลูกรังปะปนอยู่ มีการระบายน้ำดี ความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดเล็กน้อย
     ชุดดินที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ ชุดดินพะโต๊ะ (Pto) ชุดดินสวี (Sw) ชุดดินนาทอน (Ntn) ชุดดินโอลำเจียก (Oc) ชุดดินปะดังเบซาร์ (Pad) ชุดดินตราด (Td) และชุดดินตรัง (Tng)
 
สภาพปัญหา/ข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน
 
    เนื้อดินค่อนข้างเป็นทราย ดินลึกปานกลาง มีชั้นลูกรัง ก้อนกรวดหรือเศษหินปนอยู่มาก เป็นอุปสรรคต่อการชอนไชของรากพืชที่มีระบบรากลึก
     ความสามารถในการอุ้มน้ำและดูดซับธาตุอาหารต่ำ ความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ พืชเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำในระยะที่ฝนทิ้งช่วงนาน
     ในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูงจะเกิดการชะล้างทลายสูญเสียหน้าดินค่อนข้างสูง ทำให้เกิดเป็นดินตื้นและยากต่อการปรับปรุงแก้ไข
 
ความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช
 
 
     ดินในกลุ่มนี้เหมาะสมในการปลูกพืชไร่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น และพัฒนาเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ แต่มีข้อจำกัดเล็กน้อยที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ และมีศักยภาพก่อให้เกิดเป็นดินตื้น ในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง
 
แนวทางการจัดการดิน
 
 
    การปลูกพืชไร่ หรือพืชผัก
     ไถพรวนและปลูกพืชตามแนวระดับขวางความลาดเทของพื้นที่
ควรมีการจัดระบบการปลูกพืชให้หมุนเวียนตลอดทั้งปี มีการปลูกพืชบำรุงดินร่วมอยู่ด้วย ร่วมกับการปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกอัตรา 2-3 ตัน/ไร่ ปลูกพืชสดแล้วไถกลบเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยหว่านเมล็ดถั่วพร้าอัตรา 8-10 กก./ไร่ เมล็ดถั่วพุ่มอัตรา 6-8 กก./ไร่ หรือปอเทืองอัตรา 4-6 กก./ไร่ ไถกลบระยะออกดอก ปล่อยไว้ 1-2 สัปดาห์ ก่อนปลูกพืชไร่ หรือพืชผัก
     ใส่ปุ๋ยเคมีให้เหมาะสมตามชนิดพืชที่ปลูก ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์น้ำ พด.2 และผลิตภัณฑ์สารเร่ง พด.3 และ พด.7
     มีระบบการอนุรักษ์ดินและน้ำ โดยวิธีกล และวิธีพืช ที่เหมาะสมตามสภาพพื้นที่ เช่น การสร้างคันดิน ทำแนวรั้วหญ้าแฝก การปลูกพืชปุ๋ยสด การปลูกพืชหมุนเวียน การปลูกสลับเป็นแถบ เป็นต้น (ตารางผนวกที่ 3.1-3.4)
     พัฒนาแหล่งน้ำและจัดระบบการชลประทานและระบบการให้น้ำในพื้นที่ปลูก
 
     การปลูกไม้ผล หรือไม้ยืนต้น
     หลุมปลูกควรมีขนาดอย่างน้อย 50x50x50 ซม. ปรับปรุงหลุมปลูกด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกอัตรา 20-35 กก./หลุม ร่วมกับร็อคฟอสเฟตอัตรา 170 250 และ 500 กรัม/หลุม สำหรับยางพารา ปาล์มน้ำมัน และไม้ผล ตามลำดับ เพื่อช่วยเร่งการเจริญของรากให้แข็งแรง มีไม้ค้ำยันต้นพืชเพื่อไม่ให้โยก
     ใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ พด. 2 และปุ๋ยเคมีในอัตราที่เหมาะสมตามชนิดพืชที่ปลูก
     มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสมตามสภาพความลาดชันของพื้นที่ เช่น ปลูกพืชปุ๋ยสด ปลูกพืชคลุมดิน วัสดุคลุมดิน ปลูกพืชแซม สร้างคันดิน การทำขั้นบันได การทำคูรับน้ำขอบเขา ทำแนวรั้วหญ้าแฝก การทำฐานเฉพาะต้น เป็นต้น (ตารางผนวกที่ 3.1-3.4)
 
 
     

ส่วนมาตรฐานการสำรวจจำแนกดินและที่ดิน
สำนักสำรวจดินและวางแผนการใช้ที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน
ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
...สงวนลิขสิทธิ์...