|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ชุดดินกาบแดง |
ชุดดินนราธิวาส |
|
|
|
|
|
|
|
|
ลักษณะและสมบัติของดิน |
|
|
เป็นกลุ่มดินอินทรีย์
ซึ่งเกิดจากการสะสมเศษซากเหลือของพืชในพื้นที่ลุ่มน้ำขัง
หรือพื้นที่พรุ ลักษณะดินประกอบด้วยชั้นอินทรีย์หนามากกว่า
40 ซม. จนถึงมากกว่า 100 ซม. จากผิวดิน เนื้อดินเป็นดินอินทรีย์ที่มีระดับการสลายตัวตั้งแต่สลายตัวน้อยถึงมีการสลายตัวปานกลาง
ดินสีดำหรือสีน้ำตาล ใต้ชั้นดินอินทรีย์ลงไปจะมีชั้นตะกอนน้ำทะเลสีเทาปนน้ำเงิน
ที่มีศักยภาพก่อให้เกิดเป็นดินกรดกำมะถัน มักมีน้ำแช่ขังเกือบตลอดทั้งปี
ดินมีการระบายน้ำเลวมาก ความอุดมสมบูรณ์ของดินสูง
ปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกลาง เมื่อถูกทำให้แห้งจะเป็นกรดจัดมาก
ชุดดินที่อยู่ในกลุ่มนี้
ได้แก่ ชุดดินกาบแดง (Kd) และชุดดินนราธิวาส (Nw)
|
|
|
|
สภาพปัญหา/ข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน |
|
|
พื้นที่เป็นแอ่งต่ำที่มีน้ำท่วมขังเกือบตลอดทั้งปี
เนื้อดินเป็นเศษชิ้นส่วนของพืชที่มีอัตราการสลายตัวน้อยสะสมเป็นชั้นหนา
เมื่อมีการระบายน้ำออกดินแห้งจะเกิดการยุบตัวมาก
ทำให้พืชที่ปลูกล้มง่าย ติดไฟง่าย และดับยาก
ดินเป็นกรดจัดมาก
คุณภาพน้ำเป็นกรดจัด และขาดแคลนแหล่งน้ำจืด
ความอุดมสมบูรณ์ของดินสูง
แต่อยู่ในสภาพที่พืชไม่สามารถนำไปใช้ได้ มีธาตุบางตัวมากเกินไปจนเป็นพิษต่อพืชที่ปลูก
เช่น เหล็ก และอะลูมินั่ม และขาดธาตุอาหารรองอย่างรุนแรง
เช่น โบรอน สังกะสี ทองแดง และโมลิบดินัม
|
|
|
|
ความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช |
|
|
ดินในกลุ่มนี้ไม่เหมาะสมกับการปลูกพืชทั่วไป
แต่ถ้าจำเป็นต้องนำมาใช้ทำการเกษตรก็ควรมีการศึกษาสภาพแวดล้อมต่างๆ
เช่น สภาพพื้นที่ แหล่งน้ำชลประทาน แหล่งวัสดุปรับปรุงดิน
ชนิดพืชที่ปลูกและวิธีการจัดการที่เหมาะสม |
|
|
|
แนวทางการจัดการดิน |
|
|
ปลูกข้าว |
เลือกพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำจืดบริเวณขอบพรุ
และมีชั้นวัสดุอินทรีย์หนาน้อยกว่า 100 ซม.จากผิวดิน
มีแนวป้องกันน้ำท่วมร่วมกับคลองระบายน้ำ และคลองส่งน้ำในระบบที่สามารถป้องกันอันตรายจากน้ำท่วมได้
และควรมีระบบการให้น้ำและการระบายน้ำแยกส่วนกัน เพื่อป้องกันน้ำที่เป็นกรดรุนแรงกลับเข้ามาใช้อีก
เตรียมแปลงปลูก โดยใช้เครื่องจักรกลขนาดเบา เช่น รถไถเดินตาม
หรือแรงคนขุดด้วยจอบ ควรปล่อยให้มีน้ำขังในพื้นที่ทั้งก่อนและหลังปลูก
เพื่อควบคุมไม่ให้ดินเกิดกรดเพิ่มขึ้น และมีการถ่ายน้ำออกก่อนปลูกเมื่อน้ำเป็นกรดจัดมาก
ปรับปรุงสภาพความเป็นกรดในดินโดย หว่านวัสดุปูน เช่น
หินปูนฝุ่นอัตรา 1.5-2.0 ตัน/ไร่
ปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมือง
หรือพันธุ์ที่ทนต่อสภาพความเป็นกรดของดิน เช่น ลูกแดง
ขาวตาหยก ไข่มด ดอนทราย ลูกเหลือง หมออรุณ กข 13 กข
19 กข 21 และ กข 27 เป็นต้น ในการปักดำข้าวควรใช้ต้นกล้าที่มีอายุประมาณ
25-30 วัน จำนวน 3-5 ต้น/กอ ให้มีระยะปลูก 25x25 ซม.ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร
16-16-8 อัตรา 15-20 กก./ไร่ ในระยะปักดำ และหลังจากปักดำแล้ว
30-40 วัน
|
|
ปลูกพืชไร่
พืชผัก ไม้ผล หรือไม้ยืนต้น |
มีแนวป้องกันน้ำท่วม
ยกร่องให้มีสันร่องกว้างตามชนิดพืชที่ปลูก ร่องคูกว้าง
1.0-1.5 เมตร ลึก 0.5-7.5 เมตร มีการควบคุมระดับใต้ดินให้คงที่
เพื่อป้องกันการเกิดกรดของดินเพิ่มขึ้น มีระบบการระบายน้ำ
และคลองส่งน้ำในระบบที่สามารถป้องกันอันตรายจากน้ำท่วมได้
ปรับสภาพความเป็นกรดในดิน
และเพิ่มความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหาร โดยไถคลุกเคล้าวัสดุปูน
หินปูนฝุ่นอัตรา 2.5-3.0 ตัน/ไร่ ให้ทั่วบนสันร่อง
และหว่านในร่องคูน้ำ
สำหรับการปลูกไม้ผล
หรือไม้ยืนต้น ควรขุดหลุมปลูกขนาด 50x50x50 ซม. พร้อมปรับปรุงหลุมปลูกด้วยปุ๋ยปมัก
อัตรา 25 กก. ผสมกับร็อคฟอสเฟต 250 กรัม/หลุม มีการพูนโคนอยู่เป็นประจำเมื่อรากลอยโผล่ผิวดิน
ใส่ปุ๋ยเคมีตามชนิดพืชที่ปลูก
และเมื่อดินเป็นกรดเพิ่มขึ้น ปรับปรุงดินด้วยการใช้วัสดุปูน
เช่น หินปูนฝุ่นอัตรา 2.5-3.0 ตัน/ไร่ หรือปูนขาว
1.6 ตัน/ไร่ หว่านให้ทั่วบนสันร่อง และในคูน้ำ
|
|
|
|
|
|
|