|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ชุดดินกันตัง |
ชุดดินย่านตาขาว |
ชุดดินอ้น |
ชุดดินพะยอมงาม
|
ชุดดินเพ็ญ |
|
|
|
|
|
ลักษณะและสมบัติของดิน |
|
|
ดินตื้นหรือตื้นมาก
เกิดจากตะกอนน้ำที่ถูกเคลื่อนย้ายมาทับถมบนชั้นลูกรัง
ก้อนกรวด หรือเศษหิน พบในสภาพพื้นที่ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบตามลานตะพักลำน้ำระดับต่ำและระดับกลาง
เนื้อดินบนเป็นดินร่วนปนทราย ส่วนดินล่างเป็นหรือดินเหนียวหรือดินร่วนปนดินเหนียวที่มีลูกรังหรือก้อนกรวดปะปนในปริมาณมากภายในช่วงความลึก
50 ซม.จากผิวดิน การระบายน้ำค่อนข้างเลวถึงเลว ดินบนสีน้ำตาล
หรือสีเทา ดินล่างสีเทา มีจุดประสีเหลือง สีน้ำตาล
หรือสีแดง มักพบศิลาแลงอ่อนในชั้นดินล่าง ความอุดมสมบูรณ์ของดินตามธรรมชาติต่ำ
ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงเป็นกรดปานกลางและมีน้ำท่วมขังนานในฤดูฝน
ชุดดินที่อยู่ในกลุ่มนี้
ได้แก่ ชุดดินกันตัง (Kat) ชุดดินอ้น (On) ชุดดินเพ็ญ
(Pn) ชุดดินพะยอมงาม (Pym) ชุดดินสะท้อน (Stn) ชุดดินทุ่งค่าย
(Tuk) และชุดดินย่านตาขาว (Yk)
|
|
|
|
สภาพปัญหา/ข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน |
|
|
ดินตื้น
เป็นทราย มีชั้นลูกรังหรือศิลาแลงอยู่ตื้นและเป็นชั้นหนา
เป็นอุปสรรคต่อการไถพรวนและการชอนไชของรากพืช ความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ
ขาดแคลนน้ำนาน และมีน้ำท่วมขังในฤดูฝน |
|
|
|
ความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช |
|
|
ดินในกลุ่มนี้เหมาะสมสำหรับการปลูกข้าว
แต่มีข้อจำกัดปานกลางที่มีชั้นลูกรังหรือก้อนกรวดอยู่ตื้น
ไม่เหมาะที่จะดัดแปลงพื้นที่เพื่อใช้ปลูกพืชไร่
พืชผัก หรือไม้ผลอย่างถาวร เนื่องจากเป็นดินตื้นและมีน้ำท่วมขังในฤดูฝน
ทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูงในการดัดแปลงพื้นที่และปรับปรุงดิน
|
|
|
|
แนวทางการจัดการดิน |
|
|
ปลูกข้าว |
เลือกพื้นที่เพาะปลูกที่มีหน้าดินหนามากกว่า
25 ซม. และไม่มีก้อนกรวด ลูกรัง หรือเศษหินกระจัดกระจายอยู่ที่ผิวดินมาก
เตรียมพื้นที่ปลูกโดย
ไถกลบตอซัง หรือไถคลุกเคล้า ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก อัตรา
3-4 ตัน/ไร่ ปล่อยทิ้งไว้ 3-4 สัปดาห์ก่อนปลูกข้าว
หรือหว่านเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด โสนอัฟริกันหรือโสนอินเดียอัตรา
6-8 กก./ไร่ ไถกลบเมื่ออายุ 50-70 วัน ปล่อยไว้ 1-2
สัปดาห์ แล้วปลูกข้าว เลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสม
เช่น ขาวตาหยก ไข่มุกรวงยาว หรือสีรวง เป็นต้น
ใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ
พด. 2 ร่วมกับปุ๋ยเคมี สูตร 16-16-8 อัตรา 30-40 กก./ไร่
หรือ สูตร 16-20-0 อัตรา 25-40 กก./ไร่ ร่วมกับปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์
อัตรา 5-7 กก./ไร่ ในช่วงปักดำ และใส่ปุ๋ยยูเรีย อัตรา
5-10 กก./ไร่ หลังปักดำ 35-40 วัน
พัฒนาแหล่งน้ำและระบบการให้น้ำไว้ใช้ในช่วงที่ข้าวขาดน้ำหรือใช้ทำนาครั้งที่
2 ปลูกพืชไร่ พืชผักหรือพืชตระกูลถั่วหลังเก็บเกี่ยวข้าว
|
|
ปลูกพืชไร่
พืชผัก ไม้ผล หรือไม้ยืนต้น |
ไม่ค่อยเหมาะสมที่จะดัดแปลงพื้นที่
เพื่อปลูกพืชไร่ พืชผักหรือไม้ผลอย่างถาวร เนื่องจากเป็นดินตื้นและมีน้ำท่วมขังในฤดูฝน
แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ควรเลือกใช้พื้นที่มีหน้าดินหนามากกว่า
25 ซม. และปรับสภาพพื้นที่เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในฤดูฝนโดยการยกร่องแบบถาวร
ให้มีสันร่องกว้าง 6-8 เมตร ตามชนิดพืชที่ปลูก โดยให้สันร่องสูงกว่าระดับน้ำที่เคยท่วมถึง
หรือสร้างคันดินอัดแน่นล้อมรอบ มีคูระบายน้ำกว้าง
1-1.5 เมตร ลึก 0.5-1 เมตร (กรณีปลูกพืชไร่พืชผักเฉพาะช่วงก่อนหรือหลังปลูกข้าว
ควรยกร่องแบบเตี้ยหรือทำร่องระบายน้ำระหว่างแปลง)
ปรับปรุงบำรุงดินด้วยอินทรียวัตถุ
เช่น การไถกลบพืชปุ๋ยสด ปอเทืองอัตรา 6-8 กก./ไร่
ถั่วพุ่มอัตรา 8-10 กก./ไร่ หรือถั่วพร้าอัตรา 10-12
กก./ไร่ ไถกลบเมื่ออายุ 50-70 วันหลังปลูกหรือออกดอก
50 เปอร์เซ็นต์ ปล่อยทิ้งไว้ 1-2 สัปดาห์ หรือไถกลบปุ๋ยหมัก
หรือปุ๋ยคอกอัตรา 2-3 ตัน/ไร่ หรือใส่วัสดุปรับปรุงดิน
เช่น แกลบ ขี้เลื่อย หรือกากน้ำตาล เป็นต้น
ถ้าปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น
ควรขุดหลุมปลูกขนาด 75x75x75 ซม. ปรับปรุงหลุมปลูกด้วยหน้าดินที่ไม่เศษหินหรือลูกรังร่วมกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกอัตรา
35-50 กก./หลุมปล่อยทิ้งไว้ 1-2 สัปดาห์ ก่อนปลูกพืช
ใส่ปุ๋ยเคมีตามชนิดพืชที่ปลูก
ร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำพด.2 และผลิตภัณฑ์สารเร่ง
พด. 3 พด.7 และพัฒนาแหล่งน้ำไว้ใช้ในช่วงที่พืชขาดน้ำ
|
|
|
|
|
|
|