m3
 ดินเปรี้ยวจัดระดับลึกปานกลาง พบชั้นที่เป็นกรดรุนแรงในช่วงความลึก 50-100 ซม.จากผิวดิน พบในพื้นที่ลุ่ม
( กลุ่มชุดดินที่ 11, 14)
           
ชุดดินดอนเมือง
ชุดดินรังสิต
ชุดดินเสนา
ชุดดินธัญบุรี
ชุดดินต้นไทร
ชุดดินระแงะ
   
ลักษณะและสมบัติของดิน
 
 
     ดินเปรี้ยวจัดที่เกิดจากตะกอนผสมของตะกอนลำน้ำและตะกอนทะเล มักพบในบริเวณพื้นที่ลุ่มภาคกลางหรือพื้นที่ราบตามชายฝั่งทะเล เนื้อดินเป็นพวกดินเหนียวหรือดินเหนียวจัด มีการระบายน้ำเลว ดินบนสีดำหรือสีเทา ดินล่างสีเทา มีจุดประสีน้ำตาล สีน้ำตาลปนเหลือง หรือสีแดง มักพบชั้นดินเหนียวสีเทาที่มีจุดประสีเหลืองฟางข้าวของสารจาโรไซต์ หรือมีชั้นดินที่ความเป็นกรดรุนแรง (pH น้อยกว่า 4.0) อยู่ที่ระดับลึกประมาณ 50-100 ซม.จากผิวดิน ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงเป็นกรดจัด มักมีน้ำท่วมขังในฤดูฝนนาน 3-5 เดือน ความอุดมสมบูรณ์ของดินตามธรรมชาติอยู่ในระดับปานกลางถึงต่ำ

     ชุดดินที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ ชุดดินดอนเมือง (Dm) ชุดดินรังสิต (Rs) ชุดดินเสนา (Se) และชุดดินธัญบุรี (Tan) ชุดดินปัตตานี (Pti) ชุดดินระแงะ (Ra) และชุดดินต้นไทร (Ts)
 
สภาพปัญหา/ข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์ที่ดิน
 
    ดินเป็นกรดรุนแรงมากในช่วงความลึก 50-100 ซม.จากผิวดินทำให้เกิดความไม่สมดุลของธาตุอาหาร หรือถูกตรึงอยู่ในรูปที่พืชไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น ขาดธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม เกิดความเป็นพิษของเหล็กและอะลูมินัม
     คุณภาพน้ำในพื้นที่เป็นกรดจัดมากและมีรสฝาด ไม่เหมาะสมต่อการเกษตรและใช้อุปโภคบริโภค และขาดแคลนแหล่งน้ำจืด ในฤดูฝนมักมีน้ำแช่ขังทำความเสียหายกับพืชที่ไม่ชอบน้ำขัง
 
ความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช
 
 
    ดินในกลุ่มนี้เหมาะสมสำหรับการทำนามากกว่าปลูกพืชอื่น แต่มีข้อจำกัดปานกลางที่ดินเป็นดินเปรี้ยวจัด มีความเป็นกรดรุนแรงมากในช่วงความลึก 50-100 ซม.จากผิวดิน ทำให้ผลผลิตข้าวที่ได้อยู่ในเกณฑ์ต่ำ
สภาพโดยทั่วไปไม่เหมาะสมสำหรับการปลูกพืชไร่ ไม้ผล หรือไม้ยืนต้น เนื่องจากมีข้อจำกัดที่รุนแรงจากการที่มีน้ำแช่ขังนานในฤดูฝน และความเป็นกรดของดิน
 
แนวทางการจัดการดิน
 
 
     ปลูกข้าว

   เลือกระยะเวลาไถพรวนเตรียมดินในช่วงที่ดินมีความชื้นเหมาะสม เพื่อป้องกันดินติดเครื่องจักรกล และควรไถพรวนที่ความลึกแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูปลูก เพื่อป้องกันการเกิดชั้นดานแข็งใต้ชั้นไถพรวน
     ปรับปรุงบำรุงดินด้วยการไถกลบตอซัง หรือไถคลุกเคล้าปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก อัตรา 2-3 ตัน/ไร่ ปล่อยไว้ 3-4 สัปดาห์ ก่อนปลูก หรือหว่านเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด โสนอัฟริกันหรือโสนอินเดียอัตรา 4-6 กก./ไร่ แล้วไถกลบเมื่ออายุ 50-70 วัน ปล่อยไว้ 1-2 สัปดาห์ แล้วปลูกข้าว
     ลดและควบคุมความเป็นกรดจัดมากของดินด้วยวัสดุปูน เช่น ปูนมาร์ล หรือหินปูนฝุ่น ในอัตรา 500-1,000 กก./ไร่ โดยหว่านให้ทั่วแปลงปลูก ร่วมกับการใช้น้ำล้างความเป็นกรด (ในกรณีที่มีน้ำมากพอ) โดยปล่อยน้ำขังในนาแล้วถ่ายออกหลายๆ ครั้ง
     ครั้งที่ 1 หลังไถดะ ปล่อยน้ำแช่ขัง 7-10 วัน แล้วถ่ายออก
     ครั้งที่ 2 หลังไถแปร ปล่อยน้ำแช่ขัง 10 วัน แล้วถ่ายออก
     ครั้งที่ 3 หลังปักดำ ปล่อยน้ำแช่ขัง 2 สัปดาห์ แล้วถ่ายออก ต่อจากนั้นถ่ายน้ำ 4-5 สัปดาห์/ครั้ง จนข้าวตั้งท้อง
     ใช้พันธุ์ข้าวแนะนำ เช่น แก่นจันทร์ ขาวลูกแดง ช้องนางเอื้อง ขาวดอกมะลิ 105 กข 21 กข 23 หรือสุพรรณบุรี 90 เป็นต้น
     ใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ พด. 2 ร่วมกับการใช้ปุ๋ยสูตร 16-20-0 หรือ 16-16-8 อัตรา 25-40 กก./ไร่ ในระยะปักดำ และใส่ปุ๋ยยูเรีย อัตรา 5-10 กก./ไร่ หลังปักดำ 35-45 วัน
     พัฒนาแหล่งน้ำชลประทานไว้ใช้ในช่วงที่ข้าวขาดน้ำหรือใช้ทำนาครั้งที่ 2 ปลูกพืชไร่ พืชผักหรือพืชตระกูลถั่วหลังเกี่ยวข้าว ใช้ล้างความเป็นกรดของดิน และควบคุมความเป็นกรดของดินไม่ให้เพิ่มขึ้น
 
     ปลูกพืชไร่ พืชผัก ไม้ผล หรือไม้ยืนต้น

     ถ้าจะเปลี่ยนจากพื้นที่นาข้าวมาปลูกพืชไร่แบบถาวร ต้องปรับสภาพพื้นที่เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในฤดูฝนโดยการยกร่องแบบถาวร ให้มีสันร่องกว้าง 6-8 เมตร ตามชนิดพืชที่จะปลูก สันร่องควรอยู่สูงกว่าระดับน้ำที่เคยท่วมถึง มีคูระบายน้ำกว้าง 1-1.5 เมตร ลึก 0.5-1 เมตร หรือสร้างคันดินอัดแน่นล้อมรอบ (กรณีปลูกพืชไร่พืชผักเฉพาะช่วงก่อนหรือหลังปลูกข้าว ใช้วิธีการยกร่องแบบเตี้ย ความสูงประมาณ 10-20 ซม. เพื่อป้องกันน้ำแช่ขัง หรือทำร่องระบายน้ำระหว่างแปลง)
     ปรับปรุงดินด้วยการไถกลบตอซัง หรือไถกลบพืชปุ๋ยสด โดยหว่านเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด เช่นปอเทือง อัตรา 6-8 กก./ไร่ หรือถั่วพุ่ม อัตรา 8-10 กก./ไร่ หรือถั่วพร้าอัตรา 10-12 กก./ไร่ ไถกลบเมื่ออายุ 50-70 วันหลังปลูกหรือออกดอก 50 เปอร์เซ็นต์ ปล่อยทิ้งไว้ 1-2 สัปดาห์ ร่วมกับการปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกอัตรา 2-3 ตัน/ไร่ และวัสดุปูน อัตรา 500-1,000 กก./ไร่ ก่อนปลูกพืช
     ปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น ขุดหลุมปลูกขนาด 50x50x50 ซม. และปรับปรุงหลุมปลูกด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกอัตรา 25-50 กก./หลุม ร่วมกับวัสดุปูนอัตรา 6 กก./หลุม เพื่อเพิ่มความร่วนซุย และความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารในดิน
     ใส่ปุ๋ยเคมีตามชนิดพืชที่ปลูก ร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำพด.2 และผลิตภัณฑ์สารเร่ง พด. 3 พด.7 ร่วมกับการใช้วัสดุปูนถ้าดินเป็นกรดเพิ่มขึ้น
     พัฒนาแหล่งน้ำและระบบการให้น้ำในแปลงปลูกพืช ไว้ใช้ในช่วงที่พืชขาดน้ำ ใช้ล้างความเป็นกรดในดิน และควบคุมไม่ให้ดินเป็นกรดเพิ่มขึ้น
 
 
     

ส่วนมาตรฐานการสำรวจจำแนกดินและที่ดิน
สำนักสำรวจดินและวางแผนการใช้ที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน
ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
...สงวนลิขสิทธิ์...